khaodi

ถือเป็นเรื่องราวที่เราทุกคนต้องระวังกันให้มากเลยทีเดียว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งเหตุจากสาวหน้าตาดี อายุ 30 ปี เป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้า อยู่ที่ตลาดแกรนด์ พระนครศรีอยุธยา คนรา้ยชิงเงินสดไป 4,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สร้อยคอหนัก 1 บาท แหวนทอง 1 วง ทราบชื่อผู้ร้ายคือ นายพิพัฒน์ ดีด่านกลาง อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าในห้างที่อยุธยา

ผู้ต้องเสียหายกล่าวกับตำรวจว่า รู้จักกับผู้ต้องหาใน บีทอล์ค และ ผู้ต้องหานั้นมีรูปร่างหน้าตาดีแต่งตัวเท่ ทำให้ตนนั้นหลงเชื่อ และขอไปพบเจอกันที่หอ

ผู้ต้องหากล่าวว่า ก่อนจะมาเจอผู้เสียหายได้เสพยาบ้าไป 1 เม็ด พอเห็นผู้เสียหายมามีทรัพย์สินติดตัวมาด้วยเลยอยากได้ขาดสติ จึงได้ทำร้ายร่างกายและกระทืบซ้ำ จนผู้เสียหายสลบตนจึงเก็บทรัพย์สินผู้เสียหายหลบหนีไป

พอเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุจึงได้ปลอมตัวเป็นหญิงสาวโดยใช้รูปหญิงสาวหน้าตาดีไปหลอกล่อในแอฟบีทอล์ค และทำการนัดเจอกัน จนเจ้าหน้าที่เข้าตะครุบตัวในที่สุด ผู้ต้องหาอ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะดูจากพฤติกรรมแล้วเคยก่อเหตุมาหลายครั้งและยังเคยข่มขืนผู้เสียหายมาแล้วด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าหากใครเคยเป็นผู้เสียหายที่โดนนายพิพัฒน์ก่อเหตุขึ้นให้มาแจ้งความได้เลย

From: http://kinorza.com/

ด่วน ร้อนๆ !!ก่อนโดนหลบ!! รวยกันถ้วนหน้า!! แม่นอีกแล้ว "หนุ่มสารคาม" ให้โชคเต็มๆ ตรงเแป๊ะ!! 2 งวดติดๆ คอหวยถึงกลับขนลุก!!

วันที่ 6 มี.ค. เว็บไซต์มาเลเซียนไดเจสต์รายงานว่า เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายพกอาวุธมีดพยายามข่มขืนหญิงสาวขณะขับรถเก๋งเพียงลำพัง ที่รัฐซาบะฮ์ ประเทศมาเลเซีย

น.ส.อลิส เหลียน หัว อายุ 20 ปี กล่าวว่า มีผู้ชาย 2 คน ขับจยย.ตามมา ตนจึงจอดข้างทางเพื่อให้ทางจยย. แต่กลับหยุดข้างทางและสั่งลดกระจกเพื่อจี้ขอเงินสด แต่ตนขัดขืน คนหนึ่งจึงกระชากตนเข้าพุ่มไม้ ส่วนอีกคนขโมยกระเป๋าในรถเก๋ง

แต่น.ส.อลิสต่อสู้กับคนร้ายถึงขั้นบาดเจ็บรุนแรง และขับรถชนคนร้ายจนหมดสติ ถูกหามส่งโรงพยาบาลโดยมีอาการโคม่า จากนั้นผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งสอบสวนพบว่า 2 คนร้ายเป็นผู้อพยพโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากไม่มีเอกสารประจำตัว

ภายหลังมีการแชร์ข่าวนี้อย่างกว้างขวาง โดยสังคมออนไลน์บอกว่า น.ส.อลิสเคยเป็นอดีตนักกีฬาเทควันโดประจำรัฐซาบะฮ์ ขณะที่เจ้าตัวถามว่า ตนจะถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายหรือไม่ แต่ชาวโซเชี่ยลกลับสรรเสริญที่เธอป้องกันตัวเองอย่างกล้าหาญ

From: http://www.siamdrama.com/view-5623.html

เว็บไซต์เดลี่เมล เปิดเผยรายงานชวนช็อกจากประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า เจ้าหน้าที่พบศพนายโจจิ ชายญี่ปุ่นวัย 50 ปี ภายในห้องพักในสภาพถูกกองหลังสือและนิตยสารโป๊จำนวนมาก หลังจากเจ้าของห้องเช่าไปพบเพื่อตั้งใจจะไปทวงค่าเช่าที่ติดค้างไว้หลายเดือน

โดยจากรายงานระบุว่า นายโจจิ หายตัวไปเป็นเวลาหลายเดือนด้วยกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่เพิ่งจะมาพบศพของเขาหลังจากร่างของเขา ที่ถูกหนังสือทับนานกว่า 6 เดือนด้วยกัน ซึ่งรวมน้ำหนักของหนังสือโป๊ที่พบในห้องทั้งหมดมากกว่า 6 ตันด้วยกัน

โดยภายหลังพบศพทางครอบครัวได้จากทีมทำความสะอาดมาทำเคลียร์หลังสือโป๊ดังกล่าวออกไปอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านทราบเรื่อง ทว่าหนึ่งในพนักงานทีมทำความสะอาดได้รายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายโจจิมาเปิดเผย

อย่างไรก็ดี รายงานไม่ระบุแน่ชัดถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ว่าเกิดจากกองหนังสือโป๊ล้มทับจนขาดอากาศอากาศหายใจเสียชีวิต หรือเกิดอาการหัวใจวายแล้วล้มไปใส่กองหนังสือจนเสียชีวิต

เมื่อหญิงสาววัย 16 ปีถูกชายกว่า 30 คน รุมโทรมและโพสต์คลิปวิดีโอนาทีย่ำยีดังกล่าวทางโซเชี่ยลมีเดีย จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เดือดดาลในสังคม หลายคนออกมารวมตัวเดินขบวนประณามและเรียกร้องให้ทางการเร่งจับกุมคนร้ายมา ดำเนินคดี ขณะที่ตำรวจนำกำลังตามล่าชายผู้ต้องสงสัยกว่า 30 คน

เจ้า หน้าที่เปิดเผยว่า คลิปดังกล่าวมีความยาวราว 40 วินาที แสดงให้เห็นชายกว่า 30 คนยืนรายล้อมรอบๆ ร่างของหญิงสาวที่สลบไม่ได้สติ โดยเหยื่อให้การว่าเดินทางไปหาแฟน ที่บ้านในเขตชุมชนทางตะวันตก แต่รู้สึกตัวอีกที ก็ตื่นขึ้นมาในวันอาทิตย์ ในสภาพเปลือยเปล่า และมีบาดแผลตามร่างกาย จึงเดินทางกลับบ้านโดยไม่ได้แจ้งความ กระทั่งพบภาพถ่ายและคลิปที่ตนถูกข่มขืนบนเว็บ โซเชี่ยลมีเดีย

จึงนำ หลักฐานไปแจ้งความในที่สุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 3 คน รวมถึงแฟนหนุ่มของเหยื่อ

เป็นเรื่องราวอันน่าเศร้าใจสำหรับเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ถูกพ่อกับแม่ทิ้งไว้ในบ้านทรุดโทรมนานกว่า 2 ปี โดยไม่เคยกลับมาดูแลหรือใส่ใจ ทำให้เด็กชายคนนี้ต้องพยายามใช้ชีวิตด้วยตัวของตนเองเพียงลำพังอย่างยากลำบาก สร้างความเวทนาใจให้กับผู้พบเห็นสภาพของเด็กชายที่อยู่คนเดียวไร้พ่อแม่ ทราบชื่อคือ ด.ช.ศราวุธ เจนดง หรือน้องเต้ย อายุ 9 ขวบ

โดยผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก "แสงอุทัย อินธิเดช" ได้โพสต์เรื่องราวของน้องเต้ย เด็กชายวัย 9 ขวบคนนี้ ว่า น้องเต้ยอาศัยอยู่บ้านเลขที่155 ม.10 ต.สะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ปัจจุบันอาศัยอยู่ในบ้านเก่าทรุดโทรตามลำพัง หลังถูกพ่อกับแม่ทิ้งไปเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ทุกวันได้กินเพียงไข่ต้มและยังลูกนอนคอยความหวังว่าวันหนึ่งพ่อแม่จะกลับมา..พอโชคดีบ้างที่มีครูจ่ายค่ารถไปโรงเรียนให้ ซึ่งผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กนี้ ยังระบุว่า... "มีแต่ความเสียใจนอนมองดูรูปพ่อแม่ที่ถ่ายไว้ตอนแต่งงานที่มีอยู่เพียงรูปเดียว..ทำไมถึงใจร้าย..ทำไมถึงทิ้งไปได้อย่างเลือดเย็น..."

หนูอยู่ได้ไงลูก...อยู่ได้ครับ...

ไม่คิดถึงพ่อแม่หรอ..คิดถึงครับ

กลางคืนเหงามั้ยลูก...เหงาครับ

หนูตื่นไปโรงเรียนกี่โมง..ตี5ครับ

หนูวันๆนึงกินข้าวกับอะไรบ้าง..ไข่ต้มครับ

ทำไมกินแค่นี้..ไม่มีไรทำกินครับ

ต้มยังไง..ใส่หม้อข้าวครับ

หนูอยู่คนเดียวมานานแค่ไหนแล้ว..2ปีครับ

แล้วอายุเท่าไหร่ตอนนี้..9ขวบ

ใครซื้อของมาให้กิน...ลุงผู้ใหญ่บ้าน

ไปโรงเรียนยังไง..ขึ้นรถรับส่ง.ครูจ่ายค่ารถให้..

#อยากได้ของเล่นอะไรมั้ย..ฟุตบอลมั้ย....ไม่ครับ

หนูอยากได้อะไร..เงียบ

ของใช้มั้ย???ที่นอนผ้าห่ม..ครับ

กาน้ำร้อนด้วยเน๊อะไว้ต้มมาม่า...ครับ

สัญญากับพี่ได้มั้ย???ว่าหนูจะเป็นคนดีจะไม่ทำให้ทุกคนที่ช่วยหนูผิดหวัง...ครับ..

หนูเอ๊ยยย!!!....

มีแต่ความเสียใจลูกนอนคอยความหวังว่าวันนึงพ่อแม่จะกลับมา..นอนมองดูรูปพ่อแม่ที่ถ่ายไว้ตอนแต่งงานที่มีอยู่เพียงรูปเดียว...

ทำไมถึงใจร้าย..ทำไมถึงทิ้งไปได้อย่างเลือดเย็น.

ทั้งนี้ หลังจากเรื่องราวของน้องเต้ยถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีหน่วยงาน "The Cat Club" เข้ามาช่วยเหลือน้องเต้ย ไม่ว่าจะเป็นเงิน ของใช้ และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างเพื่อใช้ในการสร้างบ้านใหม่ให้กับน้องเต้ย

อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดประสงค์ต้องการช่วยเหลือน้อยเต้ย สามารถสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 092-7567648 นายอมร กัณเหตุ.

From: http://www.siamvariety.com/view-16533.html

งานนี้สามีและภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายมีเฮ หากจับได้ว่า "ภรรยา/สามีกำลังร่วมเพศกับชู้" สามีหรือภรรยาสามารถยิงได้นะจ้ะ ไม่ต้องติดคุก ไม่มีความผิดด้วย

เพราะอะไรเหรอ?

เพราะทางกฎหมาย ทุกคนสามารถป้องกันตัวเองได้โดยชอบ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข ตามกฎหมายอาญา มาตรา 68 เนื้อหาย่อๆเป็นภาษาคนธรรมดาประมาณว่า

"เพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่น เพื่อให้พ้นจากอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายที่ละเมิดกฎหมาย (เพราะสามี ภรรยา จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย) ถ้าได้กระทำสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด"

จากข้อกฎหมายมาตรานี้ ตีความได้ว่า ในกรณีที่สามีที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้อง ยิงชู้ในขณะที่กำลังฟีทเจอริ่งกับภรรยา/สามีตัวเอง ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงตัวเองได้ ดังนั้นไม่ผิด ไม่ต้องติดคุก

ย้ำว่า ถ้าจะยิงกัน สามีภรรยาต้องจดทะเบียนสมรสแล้วเท่านั้น และต้องอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังฟีทเจอริ่งกันเท่านั้นนะ ถ้าแค่อยู่ด้วยกันเฉยๆยังไม่ได้ทำอะไรแต่เผลอลั่นไกยิงไปแล้ว ใช้มาตรา 68 นี้ไม่ได้นะคร้าบบ แต่อ้างบันดาลโทสะได้ (สามารถลดหย่อนโทษได้) ตามกฎหมายอาญามาตรา 72

สรุปได้ว่า

- ถ้ากำลังฟีทเจอริ่ง แล้วคุณเผลอยิงชู้ทิ้งไปแล้ว ไม่ติดคุกนะจ้ะ เพราะกฎหมายอาญามาตรา 68 คุ้มครองอยู่

- ถ้ากำลังฟีทเจอริ่ง แล้วเผลอยิงดับทั้งคู่ ก็ถือว่าสมควรแก่เหตุ ไม่มีโทษ เป็นการป้องกันเกียรติยศชื่อเสียง ตามฎีกา 378/2479

- ถ้าแค่อยู่ด้วยกันเฉยๆ ยังไม่ทันได้ฟีทเจอริ่ง (หรืออาจจะกำลัง แต่คุณดันไปขัดจังหวะเสียก่อน) แต่เผลอลั่นไกยิงไปแล้ว ใช้เหตุผลบันดาลโทสะเพื่อลดหย่อนโทษได้ ตามกฎหมายอาญามาตรา 72

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว เราไม่ได้นำเสนอเพื่อให้ "ยิง" แต่เราอยากจะบอกว่า อย่านอกใจกันเป็นดีที่สุด!!!

From: http://www.siamdrama.com/view-5605.html